ถ้าเราไม่ศึกษาตัวเราก็ไม่รู้ว่าใครจะศึกษาให้ มาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน อยู่คนละทิศ ละที่ ละทาง ก็เพื่อแสวงหาดวงจิตของตัวเองนั่นแหละ
บางคนบางท่านก็เห็นเร็ว บางคนบางท่านก็เห็นช้า บางคนบางท่านก็ไม่เห็น ไม่รู้ เพราะว่าไม่ได้ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
เราอย่าอยู่กับที่ เราต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา ขอให้รู้จักการสร้างความรู้ตัว และก็สร้างให้ต่อเนื่อง
แล้วก็น้อมใจเข้าไปอยู่ในกองบุญอยู่ตลอดเวลา ถ้าคิดอกุศลเราก็รู้จักดับ คิดกังกวลคิดฟุ้งซ่านเราก็รู้จักดับ
สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ ให้มี ให้เกิดขึ้น
อยู่ที่ไหนก็รู้จักแก้ไขตัวเอง อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่คนเดียวก็เบาสบาย อยู่หลายคนก็เบาสบาย
อานิสงค์ที่เราสร้างเราทำก็จะแผ่กระจายออกไปให้สรรพสัตว์ทุกสิ่ งทุกอย่าง
ได้รับความสุข ความสงบ ได้รับอานิสงค์ที่พวกเราทำ เราก็พลอยได้อานิสงค์นั้นด้วย
ทั้งได้ทรัพย์ภายใน ทรพัย์ภายใน คือ ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นของจิต
จิตที่ปราศจากกิเลส ปราศจากความโลภความโกรธ ปราศจากความหลง
จิตที่ไม่เกิด เค้าก็ไม่ไปก่อภพก่อชาติที่ไหนอีก
เราต้องพยายามทำต้นเหตุให้ถูกก็จะส่งผลถึงปลายเหตุ ถ้าต้นเหตุไม่ตรงปลายเหตุก็ไม่ตรง
ก็ต้องพยายามน้อมเข้าไปดู รู้อยู่ในกายของเรา ในกายของเรา มีอะไรดี ๆ เยอะ ถ้าค้นหานอกกายหาไม่เจอ
หาอยู่ในกายของเรานี่แหละ เกิดก็เกิดขึ้นอยู่ในกายของเรานี่แหละ อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม
ส่วนนามมีอะไรบ้าง ความรู้ตัวหรือว่าสติ มีลักษณะเป็นอย่างไร การควบคุมจิตเราควบคุมจิตของเราได้ระดับไหน
ระดับต้นเหตุ เริ่มก่อตัว ระดับกลาง ระดับที่ยังไม่ส่งออกไปภายนอก
ทุกคนก็มีโอกาสที่จะถึงจุดหมายปลายทางกันหมด ถ้าเราละทิฐิ ละมานะ ละความเห็นผิดต่าง ๆ ออกไป
พยายามสร้างความเพียร ให้มีให้เกิดขึ้นขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ จะไปฝึกหัดปฏิบัติที่ไหน ถ้าเราไม่ได้พิจารณาตัวเราเองก็เหมือนเดิม